“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เรียกว่าหืดจับขึ้นคอเลยทีเดียว กว่าจะผ่านยอดทีมจากเดนมาร์กอย่าง “เอฟซี โคเปนเฮเกน” ที่สนามกลางอย่าง ไรน์ เอเนอร์กี้ สตาดิโอน, เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี มาได้ด้วยสกอร์หวุดหวิด 1-0 จากประตูโทนประตูเดียวของ บรูโน เฟอร์นันเดส ที่ซัดจุดโทษเข้าไปในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 95 หลังจากที่ อองโตนี มาร์เชียล ถูกทาง อัยเดรียส เบลลันด์ เหนี่ยวจากข้างหลังจนล้มลงไป
แม้ยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ จะเข้ารอบรองชนะเลิศไปได้ตามความคาดหมายแต่กระนั้นรูปเกมก็ถือว่าไม่โสภาสถาพรเท่าไร อย่างตัวผู้เล่นที่ส่งลงไปก็แสดงให้เห็นว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ เน้นมากกับถ้วยแชมป์แรกอย่างเป็นทางการของเขากับทีม และนี่คือ 4 ปัจจัยที่จะบอกว่าทำไมฟอร์มของพวกเขาถึงตกลงไป
1.สภาพความฟิต
นี่คือปัจจัยแรกที่ส่งผลพอสมควร เนื่องจากพวกเขาต้องลงแข่งขันถี่กว่าทีมอื่นๆ และด้วยความสำคัญของเกมแต่ละนัดแต่ละรายการ ทำให้ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จำเป็นต้องยึดตัวผู้เล่น 11 ตัวจริงที่เรียกได้ว่าแทบจะส่งแต่หน้าเดิมๆ ลงทั้งนั้น ถ้าถามว่าทำไมไม่โรเตชั่นก็เพราะตัวกุนซือมองตัวสำรองที่มีอยู่ไม่สามารถทดแทนได้นั่นเอง
2.ความรัดกุม
เกี่ยวเนื่องมาจากข้อที่แล้วที่ทีมแชมป์ลีก 20 สมัยจากเกาะอังกฤษมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิตที่ลงแข่งขันถี่ยิบนั่นทำให้ในบางจังหวะพวกเขาเลือกที่จะเน้นเล่นด้วยความรัดกุม เน้นความแน่นอนเอาไว้ก่อน แม้ทีมเยือนจะไม่ใช่ทีมที่มีดีกรีสูงอะไร แต่เพราะการแข่งขันในแต่ละรอบนับจากนี้จะเล่นแบบนัดเดียวชี้ขาดไม่ได้เล่นแบบเหย้า-เยือนเหมือนปกติ เนื่องจากสถานการณ์การแพรร่ะบาดของโควิด-19
3.ได้โควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แล้ว
มีผลไม่มากก็น้อยกับการที่พวกเขาคว้า โควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าไปครองแล้วจากการที่แซง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ เข้าเป้าในอันดับที่ 3 ในลีก นั่นทำให้ความกระหายหรือแรงกระตุ้นลดทอนน้อยลงไป หรือบางครั้งนักเตะดูเหมือนสมาธิจะหลุดๆ หรือเล่นผิดพลาดดีที่ไม่ส่งผลถึงขั้นเสียประตูในเกมนี้
4.ยกเครดิตให้ โคเปนเฮเกน
อีกหนึ่งปัจจัยในเกมนี้ต้องยกเครดิตให้กับทาง เอฟซี โคเปนเฮเกน ที่ต้องบอกว่าเกมนี้พวกเขามาตีพอสมควร อาทิ ราสมุส ฟัล์ค รวมถึง คาร์ล โยฮัน ยอห์นสัน ที่เซฟเป็นพัลวันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่โชคร้ายในช่วงต่อเวลาพิเศษที่มาเสียจุดโทษจากจังหวะที่ อองโตนี มาร์เชียล โดน อันเดรียส เบลลันด์ เข้าสกัดจากข้างหลังและเป็น บรูโน เฟอร์นันเดส ที่ซัดเข้าประตูไป
ติดตามข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่